สวัสดีเพื่อนๆที่รักธรรมชาติ ท้องฟ้า สายลม และขุนเขาอันยิ่งใหญ่ …วันนี้ลุงหมอจะพาเพื่อนๆไป เผชิญหน้าจ้องตากับ Mont blanc ยอดเขาที่สูงที่สุดของยุโรป เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ทำให้ลุงหมอหัวใจเต้นแรงและเลือดสูบฉีด(ด้วยความเสียวไส้)
รีวิว Unseen Switzerlanก ก่อนหน้า ลุงหมอได้เคยแนะนำ เมือง Martigny เมืองน่าพักแห่ง Valais ซึ่งหากเราพักที่เมืองนี้ จะมีรถไฟ ชื่อว่า Mont blanc express วิ่งข้ามเขาและชายแดน สวิตเซอร์แลนด์-ฝรั่งเศส มายังเมือง Chamonix โดยใช้ สวิสพาสได้ ฟรี!
และยังมีรถไฟที่เราไปเที่ยว บ้านเกิดสุนัข Saint Bernard ได้ด้วย
รีวิว –> Martigny มีดีกว่าที่คิด
โดยรถไฟ Mont blanc express จะวิ่งออกจากสถานีต้นทาง Martigy เที่ยวแรกตั้งแต่ 7.46 น และจะไปถึง Chamonix ราวเก้าโมงนิดๆ
ตื่นแต่เช้าแต่งตัวออกจากที่พัก(โดยไม่ต้องอาบน้ำ) รถไฟขบวนสำคัญจอดรออยู่แล้ว เจ็ดโมงสี่สิบหกนาทีเป๊ะล้อหมุน
วิวข้างทางในหุบเขาแถบ Valais อันน่าตื่นตาตื่นใจ
เราจะต้องแวะเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Vallorcine หรือบางขบวนก็จะนั่งต่อไปโดยไม่ต้องเปลี่ยน เพราะเป็นเส้นทางที่ต่อเนื่องกันไป ถ้าเจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟเราก็เดินตามคนอื่นๆไป
สถานี Vallorcine เป็นสถานีเล็กๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะงงครับ เราแค่เปลี่ยนไปขึ้นรถขบวนที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามของชานชาลา
รถไฟจะพาเราลัดเลาะภูเขาต่อไปจนถึง Chamonix ซึ่งจะมีสองสถานี คือ Chamonix-Mont-Blanc เป็นสถานีใหญ่
บริเวณ หน้าสถานี Chamonix-Mont-Blanc
แต่ถ้าใครตั้งใจจะขึ้นกระเช้าไปยังยอดเขา Aiguille du Midi ให้ เลยไปอีกหนึ่งสถานี เพื่อลงที่ Chamonix-Aiguille du Midi (ช่วงที่ยังไม่ถึงฤดูร้อน รถไฟอาจจะไม่จอดสถานีนี้)
สถานี Chamonix-Aiguille du Midi เป็นสถานีเล็กๆ แต่อยู่ใกล้กระเช้ามากกว่า
ในที่สุดรถไฟ Mont blanc expres ก็พาเรามาส่งยังที่หมาย ใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึ่ง โดยไม่เสียเงินเพิ่มเลย
เดินย้อนกลับมานิด เราจะเจอแยก ถ้าเลี้ยวซ้ายคือไปย่านเมืองเก่าแหล่ง Shopping แต่ถ้าเดินลงไปทางขวาก็จะไปยังสถานีกระเช้า
ในวันที่อากาศดี ถ้าเพื่อนๆมาถึงแต่เช้า ลุงหมอแนะนำให้รีบมาต่อคิวซื้อตั๋ว เพราะถ้ามัวแต่เดินเล่นเพลิน มาถึงอีกทีจะเจอคิวยาว ตรงจุดที่เห็นนี้ ในวันที่อากาศดูไม่ค่อยจะดีเราสามารถสอบถาม หรือขอดูกล้องบนยอดเขาว่าสถานการณ์ด้านบนพอจะมองเห็นอะไรไหม ถ้ามองไม่เห็นเจ้าหน้าที่เขาจะบอกเราว่า ไม่เห็นอะไร ในกรณีนี้ลุงหมอแนะนำว่า อย่าขึ้นไปเลย เพราะมันจะมองไม่เห็นอะไรและเสียดายเงินค่ากระเช้า ให้เปลี่ยนแผนไปเดินเล่นในเมืองแทน
การซื้อตั๋วจะมีทั้งแบบแยกเฉพาะขึ้นกระเช้า หรือถ้าเพื่อนๆมีเวลามาก ก็อาจจะเลือกซื้อแบบ day ticket เพื่อใช้เที่ยวในจุดอื่น เช่นนั่งรถไฟไปชมธารน้ำแข็งได้ด้วย
แต่ถ้ามาถึงแล้วเห็นฟ้าใสดีแบบนี้ ก็รีบซื้อตั๋วได้เลย เพราะถ้ารอช้า เพื่อนๆก็จะเจอสภาพนี้
นี่คือรางวัลของการตื่นเช้า!
แต่เพื่อนๆที่เห็นคิวยาวไม่ต้องถอดใจนะครับ ลุงหมอว่าระบบการจัดการเขาใช้ได้ขอเพียงแค่เราต่อคิวจนได้ซื้อบัตร ซึ่งในบัตรจะบอกรหัสกระเช้าโดยกำหนดจำนวนคนที่จะขึ้นกระเช้าไว้แน่นอน ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องไปแย่งกัน
พอได้บัตรขึ้นกระเช้าแล้วก็มีเวลาไปห้องน้ำห้องท่า และมีเวลาเซลฟี่
อีกไม่กี่นาทีเราก็จะได้ขึ้นไปเผชิญหน้ากับ Top of Europe
กระเช้าขึ้น Aiguille du Midi เป็นกระเช้าขนาดใหญ่ เวลาเราเข้าไปจะต้องถอดเป้สะพาย เพื่อให้คนอื่นได้เข้ามายืนในกระเช้าได้ตามจำนวนที่เขาจัด ซึ่งส่วนใหญ่ในวันที่ฟ้าเปิดก็จะอัดแน่นเต็มทุกรอบ
ถ้าใครได้ยืนตรงกลางก็ต้องทำใจ โดยเฉพาะใครที่มาเดี่ยว ไม่มีที่ให้เกาะ รับรองว่าจะได้สัมผัสความรู้ไร้แรงโน้มถ่วงอย่างเต็มที่ ลุงหมอสัมผัสได้ถึงคำว่า “ท้องไส้ ลงไปกองอยู่ที่พื้น”
กระเช้าจะแวะเปลี่ยน 1 จุดที่ Plan de l’Aiguille
ใครจะแวะเดินเล่น หรือปีนเขาขึ้นไปก็ตามใจ แต่ถ้าไม่ใช่นักปีนป่าย ลุงหมอว่าเราขึ้นกระเช้าต่อไปข้างบนกันดีกว่า
เบื้องบนที่เห็นเป็นปลายทางสถานีกระเช้า คือ Aiguille du Midi
สูดให้ใจให้ทั่วท้องแล้ว ออกเดินทาง
ในที่สุดเราก็มาถึง!
ในที่สุดเราก็ได้เผชิญหน้า……แม้ว่าจะไม่อาจเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้ แต่ก็อยากพูดคำว่า ยินดีที่ได้รู้จัก
ตอนต่อไปลุงหมอจะพาเพื่อนๆกลับไปเดินเที่ยวในเมืองน่ารัก Chamonix
ขอขอบคุณที่ติดตาม
ผู้สนับสนุนการเดินทาง เพจ บ้านลุงหมอ
บ้านพักญี่ปุ่น อบอุ่นสำหรับครอบครัว @Phuket
4 thoughts on “เผชิญหน้ากับ Mont Blanc เพิ่มพลังให้ชีวิต :Aiguille du Midi ”