Hakuryū-en Garden

วันนี้จะพาเพื่อนๆไปเที่ยวชมสวนที่เก่าแก่มีประวัติความเป็นมายาวนาน แต่ว่าเพิ่งจะเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าชมไม่นานมานี้ นี่อาจจะเป็นรีวิวแรกๆในฉบับภาษาไทย สำหรับสวนที่มีความพิเศษแห่งนี้ ที่ชื่อว่า Hakuryu-en Garden

Hakuryū-en Garden มีความพิเศษหลายอย่าง ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมเพียงสองฤดูคือช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ สวนแห่งนี้มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละวัน เพียง 80 -100 คนต่อวัน และแน่นอนว่าจะ ต้องทำการจองล่วงหน้า ผ่านทาง website ของสวน

ความพิเศษอีกอย่างของที่นี่คือในฤดูใบไม้ร่วง สวนแห่งนี้จะพาให้เราชมความงามของ Momiji Tunnel ในการเดินทางไปตามเส้นทางรถไฟ Eizan Electric Railway

การเดินทางไปยังสวน Hakuryū-en Garden นั้น เป็นการท่องเที่ยวบนเส้นทางรถไฟ Eizan Electric Railway ,Kuramaline โดยเราจะขึ้นรถที่สถานีต้นทาง Demachiyanagi Station ไปลงสถานี Ninose

ก่อนจะถึงสถานี Ninose นั้น รถไฟจะแล่นผ่านอุโมงค์เมเปิลสีแดง รถไฟจะค่อยๆลดความเร็วเพื่อให้เราชมความงามของ Momiji Tunnel ในบางขบวนจะมีการจัดที่นั่งรถไฟให้หันหน้าชมด้านข้างโดยเฉพาะด้วย เป็นการเพิ่มอรรถรสในการนั่งรถไฟเที่ยวในแบบเจแปนิสสไตล์โดยแท้ เสียงผู้ประกาศบนขบวนรถไฟจะบอกให้ผู้โดยสารทราบว่าขณะนี้รถกำลังแล่นผ่าน Momiji Tunnel ในช่วงเวลาพิเศษที่มีเพียงไม่กี่วันในรอบปี

เมื่อลงรถไฟที่สถานี Ninose ก็เดินลงมา ก็จะเจอความสวยงามของหมู่บ้านที่มีแม่น้ำ Kurama ไหลผ่าน เราจะต้องเดินย้อนกลับมาตามถนนที่ผ่านหมู่บ้าน ขนานกับทางรถไฟและแม่น้ำ สักประมาณห้าร้อยเมตรก็จะถึงถนนทางโค้ง ใต้รางรถไฟ

พอเดินรอดใต้ทางรถไฟ ข้ามแม่น้ำก็จะเห็นสวนอยู่ด้านขวา การมาถึงหน้าสวนเพื่อรอเข้าชม หมายความว่าเราจะต้องจองล่วงหน้ามาแล้ว (หรือในรีวิวมีบอกไว้ว่าสามารถซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟ Demachiyanagi แต่ที่ฉันลองถามเจ้าหน้าทีขายตั๋วไม่มีใครเข้าใจ เลยไม่แน่ใจว่าจะซื้อตั๋วได้ที่ตรงไหนกันแน่)

ฉันมาถึงแต่เช้า สวนยังไม่เปิดให้เข้าชม ต้องรอเวลาเก้าโมงเช้า จึงจะเปิด ฝั่งซ้ายของถนนจะเป็นที่รับบัตรเข้าชมสวนสำหรับคนที่จองมา ราคาบัตร 2000 เยน ถือว่าราคาแรงใช้ได้ เมื่อเทียบกับวัดทั่วๆไปที่เปิดให้เข้าชมสวน แต่สำหรับสถานที่ชมใบไม้ที่เป็นของเอกชนหลายๆแห่งใน Kyoto ที่เป็นที่นิยมในการเข้าชม ฉันเห็นราคาก็จะเหยียบ 1500-2000 เยน กันเป็นส่วนใหญ่แล้ว

เรือนของเจ้าหน้าที่ทีมงาน แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดบริการ

เมื่อประตูเปิด ให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ก็จะเจอลานเล็กๆ จะมีเจ้าหน้าที่อธิบายประวัติความเป็นมาให้ฟัง แต่ว่าเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งคนที่มาที่นี่เกือบทั้งหมดก็เป็นชาวญี่ปุ่น

บันไดที่ถูกสร้างโดยฝีมือมนุษย์ค่อยๆนำหินมาเรียงซ้อนกัน

คนไปยืนรอถ่ายภาพรถไฟที่แล่นผ่านเข้ามาใกล้ๆส่วน

จุดขายของสวนแห่งนี้ นอกจากสวนญี่ปุ่นที่สวยงาม เขามีการสร้าง pavilion ไว้ให้นั่งชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสี และสามารถถ่ายภาพผ่านหน้าต่างที่ออกแบบมาให้ไม่ซ้ำใคร

ข้อดีอันนี้ของสวนแห่งนี้ คือการจำกัดจำนวนผู้เข้าชม ตลอดวันไม่เกินหนึ่งร้อยคน แบ่งเป็นรอบเช้ากับบ่าย ทำให้สามารถเลือกถ่ายภาพได้โดยไม่ติดผู้คนที่แออัดเหมือนตามวัดต่างๆ แต่ก็ต้องแลกกับราคาค่าเข้าชมที่สูงกว่า และต้องทำการจองมาล่วงหน้า

ใบไม้ในสวนก็สีสันจัดจ้าน อาจจะด้วยความสมบูรณ์ของสภาพอากาศในปีนี้ ถือว่าฉันโชคดี ได้มาในสถานที่ที่สวยงามในช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี

สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวบนรถไฟ Eizan Kurama Line นี้ เราสามารถนั่งไปจนสุดทาง ที่ Kurama station ซึ่งที่นั่นจะมีศาลเจ้า และวัดบนเขาให้เที่ยวชม

หรือใครจะแวะลงสถานี Kibuneguchi เพื่อเดินเที่ยวไปตามแม่น้ำ Kibune โดยมีรถ Shuttle bus วิ่งรับส่ง หรือจะเดินตามถนนขึ้นไปจนถึงศาลเจ้า Kifune-jinja Shrine เลยก็ยังได้